Data-Driven Event
22 กันยายน 2568

ความจริงคือ หลายองค์กรยังคงวัดความสำเร็จของงานด้วยความรู้สึก — เสียงปรบมือ รูปถ่ายเต็มโซเชียล หรือคำชมจากแขกบางส่วน ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ไม่อาจบอกได้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายจริง กิจกรรมไหนสร้างมูลค่า และปีหน้าควรลงทุนกับอะไรต่อ


นี่คือเหตุผลที่ Data Dashboard ไม่ใช่ “ของเสริม” แต่เป็น “หัวใจ” ของการจัดอีเวนต์ยุคใหม่ เพราะข้อมูลไม่เคยโกหก และมันกำลังจะกลายเป็นเข็มทิศที่กำหนดอนาคตของทุกงานที่คุณจัด 



 

จากความรู้สึก → สู่ความจริงที่พิสูจน์ได้


ทุกครั้งที่จบงานอีเวนต์ ภาพจำที่เหลืออยู่มักจะเป็นเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และบรรยากาศคึกคัก แต่ในฐานะผู้จัดหรือผู้บริหาร คำถามที่มักผุดขึ้นมาทันทีคือ


แขกพอใจไหม?

งบประมาณคุ้มค่าหรือเปล่า?

ปีหน้าควรทำอะไรให้ดีกว่านี้?


ปัญหาคือ คำตอบเหล่านี้มักตั้งอยู่บน “ความรู้สึก” ไม่ใช่ “หลักฐานที่พิสูจน์ได้”

และนั่นคือจุดที่ ข้อมูล (Data) เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่าง




ทำไมข้อมูลจึงสำคัญกว่าความรู้สึก?


ในรายงานของ McKinsey (2023) บริษัทที่ใช้ Data-Driven Decision Making มีโอกาสทำกำไรสูงกว่าถึง 20% และรักษาลูกค้าได้มากกว่าถึง 30%


สำหรับงานอีเวนต์ ความแตกต่างระหว่าง งานที่ดี กับ งานที่ยกระดับองค์กร อยู่ตรงนี้:


  • รู้จักผู้เข้าร่วมจริง ๆ
  • ไม่ใช่แค่จำนวน แต่รู้ว่าใคร เพศไหน มาจากภูมิภาคไหน
  • วัดผลกิจกรรมได้จริง
  • กิจกรรมไหนสร้าง Engagement สูง กิจกรรมไหนเป็นแค่ “ของตกแต่ง”
  • ใช้ปรับปรุงครั้งหน้า
  • เช่น หาก Dashboard ชี้ว่าคน 70% เข้างานช่วง 10 โมงเช้า → ปีหน้าควรเสริมทีมเช็กอินในเวลานั้น




Data ไม่เคยโกหก และมันสะท้อนความจริงที่บางครั้งอาจต่างจากสิ่งที่เราคิด


ก็เพราะข้อมูลไม่เคยโกหก


พฤติกรรมของผู้เข้าร่วมงาน —ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เลือกมาเช็กอิน, โซนที่พวกเขาใช้เวลามากที่สุด, ไปจนถึงกิจกรรมที่สร้าง Engagement —ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่สะท้อน “ความจริง” ของงาน


ต่างจากความรู้สึกที่อาจผิดเพี้ยนไป ข้อมูลไม่เคยโกหก


ถ้าคน 40% ออกจากงานก่อนจบ → นั่นคือสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดพลาด

ถ้าโซนกิจกรรม Interactive มีคนแน่นตลอดเวลา → แปลว่าผู้เข้าร่วมโหยหาประสบการณ์แบบนี้มากขึ้น

ถ้าเวลาพีคเช็กอินเกิดขึ้นพร้อมกันทุกครั้ง → คุณควรวางแผนเสริมระบบในจุดนั้น



จากข้อมูล → สู่โซลูชันใหม่



Digishark มองว่าข้อมูลไม่ใช่แค่ “รายงานย้อนหลัง” แต่คือ เชื้อเพลิงในการออกแบบฟีเจอร์และโซลูชันใหม่ ที่ช่วยแก้ปัญหาจริง


ข้อมูลการเช็กอิน → พัฒนา Fast Lane Register สำหรับแขก VIP

Heatmap ความหนาแน่น → นำไปออกแบบ Hot Zone Detector แจ้งทีมงานแบบเรียลไทม์

Engagement Rate → กลายเป็น Interactive Game / Lucky Draw / Live Vote ที่เสริมประสบการณ์งาน



นี่คือตัวอย่างของการใช้ ข้อมูลสร้างนวัตกรรม (Data-Inspired Innovation)



Case Study 1: TRC 2025 (Thailand Rice Convention)



ในการประชุม TRC 2025 ที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน ทีมงานใช้ Digishark Dashboard และพบว่า:


⏰ Peak Check-in: 10.30–11.00 น. มีคนแห่มาถึง 45% ของงาน → ทีมงานปรับการจัดการ onsite ได้ทันท่วงที

Region Breakdown: ภาคกลางนำโด่งกว่า 60% แต่ภาคเหนือกำลังเติบโต → Insight นี้ใช้ต่อยอดทำ PR เจาะเมืองรองในอนาคต

Engagement Rate: Interactive Booth มีอัตรามีส่วนร่วมสูงกว่าบูธปกติถึง 2.5 เท่า



สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ “งานผ่านไป” แต่กลายเป็น แผนที่ข้อมูล (Data Map) สำหรับการจัดงานปีต่อไป




Case Study 2: SXSW (South by Southwest, USA)



หนึ่งในงาน Festival ที่ใหญ่ที่สุดในโลก SXSW (สหรัฐฯ) ใช้ Real-time Analytics เพื่อตัดสินใจหน้างานและวางแผนในอนาคต


 Session ด้าน Tech เต็มเร็วที่สุด → ปีต่อมาเพิ่ม Session Tech ขึ้นกว่า 30%

พบว่าหลังคอนเสิร์ตใหญ่ คนออกจาก Venue เยอะเกินไป → ทีมงานแก้โดยเพิ่ม Food Truck และ Activity รอบนอกให้คนอยู่ต่อ

 ใช้ App Tracking พฤติกรรมผู้เข้าร่วม → ช่วยให้ Sponsor เห็น ROI ชัดเจน



นี่คือตัวอย่างระดับโลกที่พิสูจน์ว่า การจัดงานโดยไม่มี Data เท่ากับ “เดินหลับตา”




Case Study 3: Web Summit (Lisbon, Portugal)



งาน Tech Conference ระดับโลกอย่าง Web Summit ใช้ Data Dashboard เพื่อ:


วิเคราะห์เส้นทางการเดินของผู้ร่วมงาน → ช่วยออกแบบ Floor Plan ให้สะดวกขึ้น

เก็บข้อมูลการเข้าฟัง Session → บอกได้ว่า Speaker และหัวข้อไหนกำลังมาแรง

เชื่อมต่อ Data กับ Sponsor → ทำให้ผู้สนับสนุนเห็นคุณค่าที่แท้จริงของการลงทุน



ผลลัพธ์คือ Web Summit ไม่ได้เป็นแค่ “งานสัมมนา” แต่คือ แพลตฟอร์มเชื่อมโยงธุรกิจระดับโลก



Case Study 4: VOV3 – ข้อมูลที่สะท้อนพฤติกรรมผู้เข้าร่วม


งาน VOV3 ใช้ระบบของ Digishark ในการเก็บข้อมูลการเข้าร่วม และได้ Insight ที่ช่วยให้ผู้จัดงาน เข้าใจผู้เข้าร่วมได้ลึกขึ้น

Geo Insight: กระจุกตัวในเมืองใหญ่ แต่มีศักยภาพต่างจังหวัด


Top 5 จังหวัด: กรุงเทพฯ (2,420), นนทบุรี (289), เชียงใหม่ (272), ปทุมธานี (216), สมุทรปราการ (169)

สะท้อนว่า กรุงเทพฯ คือศูนย์กลางหลัก แต่มี Demand ในเชียงใหม่ ซึ่งบ่งชี้ว่าการจัดงานลักษณะ Regional หรือ Hybrid อาจช่วยให้การเข้าถึงประชาชนมีความหลากหลายและทั่วถึงมากขึ้น


พฤติกรรมการเข้าร่วมหลายวัน

ข้อมูลชี้ว่า วันที่ 2 มีผู้เข้าร่วมลดลง เมื่อเทียบกับวันแรก


หากวันที่ 2 มีสาระสำคัญ ควรมีการสื่อสารล่วงหน้า เช่น “Highlight Day”

ควรมีรูปแบบกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากวันแรก เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนกลับมามีส่วนร่วม


สิ่งที่ควรปรับปรุง


คุณภาพข้อมูล → พบ anomaly เช่น attendance >100% จำเป็นต้องปรับปรุงระบบตรวจสอบและกำจัดข้อมูลซ้ำ

การมีส่วนร่วมวันที่ 2 → เพิ่ม Session ที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับวันแรก

การกระจายพื้นที่ → ปัจจุบันกระจุกที่กรุงเทพฯ อาจพิจารณากลยุทธ์ดึงประชาชนจากภูมิภาคอื่นให้มากขึ้น

Dashboard แบบ Realtime → หากทีมงานเห็นข้อมูลหน้างาน จะช่วยบริหารจัดการได้ทันท่วงที


บทสรุป


VOV3 แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลคือเครื่องมือสำคัญของการจัดงานภาครัฐ เพราะช่วยสะท้อนทั้ง “การเข้าถึง” และ “พฤติกรรมการมีส่วนร่วม” ของประชาชน ไม่ใช่เพื่อการตลาด แต่เพื่อให้การจัดงานครั้งต่อไป มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 




งานที่น่าจดจำ = การออกแบบ + ข้อมูล + เทคโนโลยี


ทุกงานที่ “น่าจดจำ” ไม่ได้เกิดจากโชคช่วย แต่เกิดจากการ:


ออกแบบประสบการณ์อย่างตั้งใจ

เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจริง

ใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างประสบการณ์


Digishark เชื่อว่า งานของคุณไม่ควรเป็นเพียง “Event ธรรมดา” แต่ควรเป็น Event ที่

  1. วัดผลได้จริง
  2. เข้าใจผู้เข้าร่วมเชิงลึก
  3. สร้างโอกาสใหม่ทั้งด้านธุรกิจและแบรนด์




ทำไม Digishark ถึงเป็นมากกว่าระบบลงทะเบียน?


เราอาจเริ่มจากการเป็น ผู้นำด้าน Registration System แต่เรารู้ดีว่า ความสำเร็จของงานไม่ได้หยุดอยู่ที่การลงทะเบียนเท่านั้น


Digishark จึงก้าวไปอีกขั้น:


วิเคราะห์และตีความข้อมูล → เพื่อหาปัญหาและโอกาสซ่อนอยู่

พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ → ที่สอดคล้องกับธีมงานและอารมณ์ของผู้เข้าร่วม

แก้ปัญหาหน้างานแบบ Real-time → ด้วยทีมที่เข้าใจทั้งคนและระบบ



และสุดท้าย สิ่งที่ลูกค้าได้รับ ไม่ใช่แค่ระบบที่รอดวันงาน แต่คือ Dashboard ที่เล่าเรื่องราวของงานทั้งหมด

นี่คือเหตุผลที่ว่า Digishark ไม่ใช่แค่ Vendor แต่คือ Event Tech Partner ตัวจริง


 



บทสรุป: งานที่ดีต้องทิ้งร่องรอยข้อมูล


งานอีเวนต์ที่ดี ไม่ควรจบเพียงเสียงดนตรีหรือรูปถ่าย แต่ควรทิ้ง ร่องรอยของข้อมูล ที่ใช้ต่อยอดได้จริง


Digishark เชื่อว่า:


  1. ทุกงานควรวัดผลได้จริง
  2. ทุกงานควรเข้าใจผู้เข้าร่วมอย่างลึกซึ้ง
  3. ทุกงานควรสร้างโอกาสใหม่ให้แบรนด์และองค์กร



และนั่นคือเหตุผลที่ว่า “ทำไม Digishark ถึงเป็นผู้นำด้าน Event Tech” เพราะเราไม่เพียงแต่เก็บข้อมูล แต่เราส่งมอบ Dashboard ที่เปลี่ยนความรู้สึกให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่จับต้องได้

 



และนี่คือเพียงแค่ EP.1 ของซีรีส์ “Data ไม่เคยโกหก”

ใน EP.2 เราจะพาไปเจาะลึกเรื่อง “ความแน่นอนในความไม่แน่นอน” — ว่า Event Tech จะสร้างความมั่นใจให้ผู้จัดงานได้อย่างไร แม้ในวันที่เต็มไปด้วยความกังวล

 

 หากคุณอยากรู้ว่า Data Dashboard สามารถเปลี่ยนงานของคุณได้อย่างไร

ลองพูดคุยกับทีม Digishark และดู Demo จริงที่ออกแบบมาเพื่องานของคุณโดยเฉพาะ


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Digishark  https://digisharksolution.com/Home/


ดิจิทัลอัพเดทอื่นๆ